Ozark Season 2
รีวิว Ozark Season 2 - โอซาร์ก
โอซาร์ก ในซีซั่นที่ 2 นี้ หลังจากที่ซีซั่นแรกตอนจบได้จบแบบทำเอาผู้ชมเหวอซะจนคิดในใจว่า เอาแบบนี้จริงๆ ดิ? มันทำให้ในซีซั่น 2 นี้มีเรื่องที่คาดไม่ถึง เพิ่มเติมความเข้มข้นของบทและความกดดัน รวมไปถึงการพัฒนาตัวละครแต่ละตัวในเรื่องที่เรียกได้ว่า ในความเดาได้ มีความเดาไม่ได้ซ่อนอยู่ ซึ่งซีซั่นนี้ ดีกว่าซีซั่นแรกอย่างมาก รีวิว Ozark Season 2
เรื่องย่อ
เรื่องราวของโอซาร์กในซีซั่น 2 มันได้ขยายสเกลให้ใหญ่ขึ้น จากการที่ต้องฟอกเงินให้พ่อค้ายาเพื่อไม่ให้ตัวเองตาย กลับกลายเป็นว่าธุรกิจของมาร์ตี้ขยับขยายมากยิ่งขึ้น ทำให้ต้องไปมีเอี่ยวกับผู้มีอิทธิพล รวมไปถึงนักการเมืองอีกด้วย ซึ่งในจุดนี้ เวนดี้ เบิร์ด ภรรยาของมาร์ตี้ (ที่แอบคบชู้ในซีซั่นแรก) กลับกลายเป็นว่ามีบทบาทมาก ถึงมากที่สุดของซีซั่นนี้เลยทีเดียว และการขยับขายธุรกิจฟอกเงินนี้มันก็ไปเตะตาเจ้าหน้าที่ FBI ที่กำลังเล็งเด็ดหัวพวกพ่อค้ายาตัวเป้งๆ อีกด้วย แถมยังมีดราม่าระหว่างตัวของครอบครัวมาร์ตี้ และผู้ช่วยสาวแสบที่อยู่มาตั้งแต่ซีซั่นแรกอย่าง รูธ แลงมัวร์ ที่ได้ทำวีรกรรมไว้ในซีซั่นที่แล้ว มาซีซั่นนี้ พ่อตัวแสบของเธอได้ออกจากคุกมา และเพิ่มสีสันและความกดดันทำให้เนื้อเรื่องคาดเดาไม่ได้ขึ้นไปอีกสเต็ปหนึ่ง
อย่างที่เกริ่นไปในรีวิวของ Ozark Season 1 ว่าไม่อยากให้มันเทียบกับเบรคกิ้งแบด เพราะซีซั่นแรกมันดำเนินเรื่องเฉื่อยๆ ค่อยๆ ปูบทตัวละครจริงๆ พอมาซีซั่นนี้แล้วมันกลับกลายเป็นว่า เอากลิ่นอายของเบรคกิ้งแบดหลายๆ อย่างมาเลยล่ะ ทั้งตัวละครที่มีการพัฒนาไปสู่ด้านมืดขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงความคาดเดาของพฤติกรรมตัวละครต่างๆ ที่ผีเข้าผีออก ดูเหมือนจะเดาได้ว่า ตัวละครนี้จะทำอะไร
แต่ก็ไม่ทำไปทำอีกอย่างที่เราคาดไม่ถึงแทน ในซีรีส์สับขาหลอกเราได้อยู่หมัด ซึ่งในซีซั่นนี้ มีฉากเผชิญหน้ากับความตาย หลายต่อหลายฉาก และแต่ละฉากนั้น มีทำให้เราลุ้นและกดดันจนแทบลืมหายใจได้เลย ซีซั่นนี้ขอบอกเลยว่า ทั้งบทพูด ทั้งการดำเนินเรื่อง ทุกอย่าง อัพเกรดขึ้นมากจากซีซั่นที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด เพราะมันเข้มข้นและไม่น่าเบื่อเลย
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวของโอซาร์กในซีซั่น 2 มันได้ขยายสเกลให้ใหญ่ขึ้น จากการที่ต้องฟอกเงินให้พ่อค้ายาเพื่อไม่ให้ตัวเองตาย กลับกลายเป็นว่าธุรกิจของมาร์ตี้ขยับขยายมากยิ่งขึ้น ทำให้ต้องไปมีเอี่ยวกับผู้มีอิทธิพล รวมไปถึงนักการเมืองอีกด้วย ซึ่งในจุดนี้ เวนดี้ เบิร์ด ภรรยาของมาร์ตี้ (ที่แอบคบชู้ในซีซั่นแรก) กลับกลายเป็นว่ามีบทบาทมาก ถึงมากที่สุดของซีซั่นนี้เลยทีเดียว
และการขยับขายธุรกิจฟอกเงินนี้มันก็ไปเตะตาเจ้าหน้าที่ FBI ที่กำลังเล็งเด็ดหัวพวกพ่อค้ายาตัวเป้งๆ อีกด้วย แถมยังมีดราม่าระหว่างตัวของครอบครัวมาร์ตี้ และผู้ช่วยสาวแสบที่อยู่มาตั้งแต่ซีซั่นแรกอย่าง รูธ แลงมัวร์ ที่ได้ทำวีรกรรมไว้ในซีซั่นที่แล้ว มาซีซั่นนี้ พ่อตัวแสบของเธอได้ออกจากคุกมา และเพิ่มสีสันและความกดดันทำให้เนื้อเรื่องคาดเดาไม่ได้ขึ้นไปอีกสเต็ปหนึ่ง
โอซาร์กในซีซั่น 2 มันไม่ได้มีปมแค่เรื่องฟอกเงินดูหนังฟรี แต่มันยังรวมไปถึงปัญหาในครอบครัว ของทั้งมาร์ตี้เอง หรือของรูธ แลงมัวร์ รวมไปถึงดราม่าของเจ้าหน้าที่เพ็ตตี้ ที่แอบตามจับครอบครัวเบิร์ดมาตั้งแต่ซีซั่นแรก ซึ่งซีซั่นแรกมันเหมือนเป็นการปูทางมาสู่ความเข้มข้นที่คาดเดาไม่ได้ของซีซั่นสองที่จะประเคนให้คุณในทุกๆ ตอน แบบจริงๆ แต่ก็มีบ้าง ที่บางตัวละครจะมางี่เง่าในตอนท้ายๆ ของซีซั่น ทำให้เราดูไป รู้สึกหงุดหงิดไป แต่นั่นน่าจะเป็นความตั้งใจของผู้เขียนบท ซึ่งมันทำให้เราดูแล้วหงุดหงิดตามตัวละครในเรื่องได้จริงๆ
สิ่งที่เด่นในซีซั่นนี้
สิ่งที่เด่นจริงๆ ในซีซั่นนี้ คือการพัฒนาตัวละครของ เวนดี้ เบิร์ด ที่เธอจะใช้ความสามารถในการเจรจากับนักการเมือง เพราะในอดีตเธอเคยทำงานให้กับโอบาม่า (ในเรื่อง) ช่วงหาเสียง แต่เธอก็ต้องออกมาเลี้ยงลูกและกลายเป็นแม่บ้านเกือบๆ 20 ปี ซึ่งพอสามีเธอเกือบถูกฆ่าเพราะฟอกเงิน ทำให้เธอต้องกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและหาวิธีที่จะเอาตัวรอดด้วยการเจรจาทำธุรกิจระหว่างผู้มีอิทธิพลกลุ่มต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัวสเนลล์ ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หรือพวกแก๊งค์ค้ายาจากซีซั่นแรกก็ยังเป็นตัวหายนะสำหรับเรื่องนี้อยู่ แต่สิ่งที่เพิ่มมาก็คือ การเจรจาระหว่างนักการเมืองท้องถิ่น รวมไปถึงแก๊งค์มาเฟียเมืองข้างเคียงอีก ทำให้ซีซั่นนี้มีปมปัญหาเทเข้ามาหาเหล่าตัวละครหลักอย่างมาก และทำให้เราลุ้นเอาใจช่วยว่า พวกเขาจะแก้มันได้ยังไง จะมีตัวละครไหนตายหรือเปล่า
ด้านตัวละคร
เป็นอีกจุดเด่นของ Ozark ที่แม้ว่านักแสดงสมทบแต่ละรายจะไม่คุ้นหน้าคุ้นตานัก แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าอีกกลไกหนึ่งที่ขับเคลื่อนให้ซีรีส์นี้น่าติดตามก็คือการคัดเลือกนักแสดงมาได้เหมาะสมกับแต่ละบทบาทอย่างมาก ถ้ามาแจกแจงแต่ละบทบาทตัวละครคงต้องเขียนกันยาวเป็นสิบหน้า เพราะ Ozark เป็นซีรีส์ที่มีตัวละครเยอะมว้ากกก งั้นว่ากันที่ตัวเด่น ๆ
เจสัน เบตแมน ในบท มาร์ติน เบิร์ด แม้โทนหนังจะเป็นการพลิกบทบาทจากตลกอารมณ์ดีที่เจสันถนัด มาเป็นบทที่ตึงเครียด แต่ส่วนที่ มาร์ติน เบิร์ด เหมาะเหม็งกับภาพลักษณ์ของเจสัน เบตแมน ก็คือการเป็นมนุษย์ที่มีความเจ้าเล่ห์เพทุบายในตัว เป็นคนที่ช่างจ้อ ใช้ปากทำงานมากกว่ามือเท้า ซึ่งเจสันมักจะได้บทนี้เป็นประจำอยู่แล้ว พอมาเจอบทมาร์ตินนี่ก็แทบจะสวมร่างได้สบาย ๆ เลย ไม่ต้องทำการบ้านมากมายเพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์
ลอรา ลินนีย์ ในบท เวนดี้ เบิร์ด ด้วยประสบการณ์ของลอรา ลินนีย์ ที่มีผลงานมาแล้วถึง 70 เรื่อง ผ่านมาแทบทุกบทบาท ให้เล่นอะไรก็ได้หมดแล้วล่ะ ดีกรีคุณภาพของเธอคือได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์มาแล้วถึง 3 ครั้ง แล้วลอรา ก็สามารถทำให้ เวนดี้ เป็นตัวละครที่มีสีสันอย่างมาก เป็นบทสำคัญที่ตีคู่กับ มาร์ติน เบิร์ด ตลอดทั้งเรื่อง เธอทำหน้าที่ได้ดีทั้งเป็นแม่ของลูกทั้งสอง
เราได้เห็นการแบ่งรับแบ่งสู้ของคุณแม่อย่างเวนดี้ที่ทำหน้าที่ได้ดี มีทั้งหนังออนไลน์ บทเฮี้ยบที่ชี้นิ้วออกคำสั่งกับลูกอย่างเกรี้ยวกราด และนาทีที่วิ่งเข้าไปโอบกอดและบอกรักลูก ซึ่งการที่ลอราเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งในชีวิตจริง ก็เป็นคุณสมบัติที่เหมาะสมที่เธอมารับบทคุณแม่ได้อย่างเข้าถึง ลอรา ถ่ายทอดบทบาทเวนดี้ ให้เราสัมผัสได้ชัดเจนว่านี่คือนางมารร้ายตัวหนึ่งเลยล่ะ
เพียงแต่ว่าเธอหนังเล่าเรื่องราวผ่านทางฝั่งเธอและสามีเท่านั้น ทำให้เราต้องเอาใจช่วยเธอให้ผ่านพ้นแต่ละปัญหาไปได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอเป็นคนดีแต่อย่างใด ลอรา สามารถใช้สายตาแสดงหนังได้อย่างชัดเจน บ่อยครั้งที่เราเห็นเวนดี้ ยิ้มและจับมือกับผู้คนที่เธอเจรจาด้วย แต่นัยน์ตาเธอนั้นก็แสดงท่าที่ครุ่นคิดวางแผนแยบยลอยู่ตลอดเวลา
จูเลีย การ์เนอร์ ในบท รูธ แลงมอร์ เปิดตัวมาแบบสก๊อยบ้าน ๆ ที่ดูไม่น่าจะสลักสำคัญอะไรกับเรื่องราวเลย แต่กลายเป็นว่าจูเลีย สามารถถ่ายทอดบทบาทของ รูธ ให้เราค่อย ๆ รักและเอาใจช่วยตัวละครไปอย่างไม่รู้ตัวเลย เป็นตัวละครที่ทำให้เราต้องคาดเดา ลุ้นระทึกกับความคิดตัดสินใจของเธอแทบทุกตอน
จูเลีย มีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นกับผมทองหยิกหยอยของเธอที่ดูเข้ากับหน้าตาจิ้มลิ้มมีเสน่ห์แบบที่ต้องพิศ ไม่ใช่สวยสตันท์เมื่อแรกเห็น บทรูธนั้นเป็นสาวที่เติบโตมาในครอบครัวอาชญากร กร้านโลก ปากจัด แต่มีความใฝ่ดี อยากพาตัวเองและน้อง ๆ ให้พ้นตราบาปของตระกูลแลงมัวร์ ซึ่งจูเลียก็ถ่ายทอดโจทย์ทุกอย่างออกมาได้อย่างสมบูรณ์ แล้วเธอเนี่ยแหละที่คว้ารางวัลเอ็มมี่ปี 2019 เอาชนะ 3 ตัวเก็ง เมซี วิลเลียมส์, โซฟี เทอร์เนอร์ และ เลนา เฮดีย์ จาก Game of Thrones มาได้สำเร็จ
นักแสดงรายอื่น ๆ ที่โผล่หน้ามาก็ล้วนแต่น่าชืนชม ที่หาตัวแสดงมาแบบที่มีบุคลิกเด่นชัดสุด เจเน็ต แม็กเทียร์ ในบท เฮเลน เพียร์ซ ทนายความของแก๊งค้ายาเม็กซิกัน ก็มาในมาดสาวห้าว โหด ที่ดูทั้งน่ากลัวน่าเกรงขามเสมอ แม้ขณะที่เธอมีรอยยิ้มให้ , อีไซ โมราเลส ในบท เดล มาเฟียเม็กซิกัน เป็นตัวร้ายอีกรายที่ผมชื่นชอบมาก สามารถถ่ายทอดรังสีอำมหิตให้สัมผัสได้ น่ากล้วทุกครั้งที่ปรากฏตัวออกมา สามารถจ่อยิงกบาลคนได้ โดยที่สีหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการความรู้สึกใด ๆ คาดเดาอารมณ์ไมได้เลย
โดยรวม
เรียกได้ว่า โอซาร์ก ซีซั่น 2 ได้อุดช่องโหว่ต่างๆ และแก้ข้อเสียของซีซั่น 1 ทิ้งไปจนหมด แล้วกลายเป็นการดำเนินเรื่องสุดเข้มข้น ผสมความดาร์คและความดราม่า ที่สอดแทรกด้วยความตลกร้ายซึ่งมันมีกลิ่นอายของ Breaking Bad ได้อย่างดี การันตีความสนุกและความดีงามด้วยรางวัลกำกับยอดเยี่ยมจาก Emmy Award ปี 2018 ผมขอให้คะแนน โอซาร์ก Season 2 ที่ 9 คะแนน และขอยกให้เป็นอีก 1 ซีรีส์ที่ว่า ถ้าหากคุณชอบแนวอาชญากรรม ที่มันดาร์คๆ เรียลๆ กดดันๆ ล่ะก็ ต้องดูเลย เพราะซีซั่นที่ 3 กำลังจะมาในวันที่ 27 เดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
สรุป
อย่าว่าทิศทางของเนื้อหาแต่ละซีซันเลยครับ ว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด เอาแค่แต่ละเอพิโซด แต่ละความคิดการกระทำของตัวละคร นี่ก็คาดเดาไม่ได้แล้ว ใครยังไม่เคยดู ไม่เคยได้ยินชื่อซีรีส์เรื่องนี้ เชียร์สุดฤทธิ์เลยครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน เริ่มเปิดแล้วจะต้องจบสองซีซันในเวลาไม่นานแน่นอน แล้วก็นั่งรอซีซัน 3 ไปด้วยกัน ผู้สร้างประกาศออกมาแล้วว่า Ozark จะจบบริบูรณ์ในซีซันที่ 5 ครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น